ซน ฮึ ง มิ น

• DKAfvgFC4i
• 2024-05-18 17:22:15

ซน ฮึ ง มิ น

ด้านปัจจัยต่างประเทศหลังจากผลการเลือกตั้งชัดเจนแล้วทำให้ SET Index ฟื้นตัวในวันนี้ ประเด็นต่อไปคือการประชุม FED ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และจะทราบผลในวันพรุ่งนี้โดยประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่ชัดว่าจะคงเอาไว้ และไปปรับขึ้นในการประชุมเดือน ธ.ค. ที่สำคัญที่ต้องติดตามคือโทนของ FED อันจะส่งผลต่อนโยบายการเงินในปีหน้า สุดท้ายการประชุม G20 น่าจะได้เห็นความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนที่จะเป็นไปด้วยดี

“ตลาด BdL และ MTF เป็นตลาดที่สามารถซื้อขายตราสารหนี้ได้ ในขณะที่ SoL เป็นแพลตฟอร์มสำหรับแสดงรายละเอียดของตราสารหนี้ (profile listing) หากผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขายตราสารในแพลตฟอร์มนี้จะต้องทำธุรกรรมในตลาดตราสารหนี้ไทย สำหรับบริษัทที่สนใจและมีความพร้อมสามารถเลือกไปจดทะเบียนในตลาดดังกล่าวเพื่อให้ตราสารหนี้ปรากฏในแพลตฟอร์ม LGX ซึ่งมีส่วนที่ต้องทำเพิ่มหลักคือการแปลหนังสือชี้ชวนและเอกสารให้ความเห็นจากที่ปรึกษาทางกฎหมาย

อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มาจากไบโอแมสและขยะยังคงมีอยู่ แต่จะต้องดูว่ามีสัดส่วนการรับซื้อเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด โดยเฉพาะในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะที่บริษัทยังเชื่อว่าจะยังคงเป็นกลุ่มพลังงานทดแทนที่ภาครัฐให้ความสำคัญ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณขยะมากถึง 70,000 ตัน ซึ่งเป็นขยะจากพื้นที่กรุงเทพฯ 10,000 ตัน และนโยบายภาครัฐนั้นมีความต้องการให้แก้ปัญหามลพิษที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ในปี 2561 มีแผนเปิดสาขาในพื้นที่ตัวเมือง จ.ชัยนาท 1 สาขา ในช่วงต้นปี ส่วนสาขาในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างสาขาแรกในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ไตรมาส1/61และตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจนครบ 6 สาขา ให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้าน ซึ่งถ้าหากบริษัทได้ที่ดินในการลงทุนเร็วขึ้น อาจจะมีการก่อสร้างสาขาใหม่ควบคู่กันด้วย โดยใช้งบลงทุนในแต่ละสาขาประมาณ 300 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อยโดยกลุ่มที่ปรับตัวลง ได้แก่ กลุ่มพลังงาน(-1.59 จุด) วัสดุก่อสร้าง(-0.61 จุด) สื่อสาร(-0.57 จุด) ปิโตร(-0.39 จุด) เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่พยามช่วยหนุนดัชนีได้แก่ กลุ่มธนาคาร(+0.92 จุด) โรงพยาบาล(+0.77 จุด) และกลุ่มพาณิชย์(+0.55 จุด) ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น ญี่ปุ่น(+1.05%) ฮ่องกง(+0.91%) อินโดนีเซีย(+0.90%) ฟิลิปปินส์(+0.69%) อินเดีย(+0.41%) ออสเตรเลีย(+0.14%)