เว็บ 123plus
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงพยายามควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะต้นทุนราคาน้ำมัน โดยบริษัทได้ทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Hedging) ที่ 60% ของปริมาณการใช้น้ำมัน ไปจนถึงสิ้นปี 60 ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงของราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดปีนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 55-60 เหรียญ/บาร์เรล และขณะนี้ขยับขึ้นมา แล้วโดยน้ำมันถือเป็นต้นทุนสำคัญของธุรกิจที่มีสัดส่วน 30% ของต้นทุนรวม อีกทั้งบริษัทยังคงมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่โต 10-12%
ภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากธุรกิจใหม่ซึ่งเพิ่งซื้อกิจการมา โดยรับรู้กำไรจำนวน 15.92 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้นจำนวน 70% จึงรับรู้กำไรเข้าบริษัทใหญ่จำนวน 11.14 ล้านบาท ซึ่งปกติธุรกิจนี้มียอดขายมากกว่า 300 ล้านบาทต่อปี และมีกำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับผลประกอบการของธุรกิจของบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายส่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง นายนรัตถ์ กล่าว
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสที่ 2/61 จำนวน 33.72ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 7.35 ล้านบาท หรือลดลง 17.90% เกิดจากมีค่าที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่พม่าลดลง ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและผู้บริหาร จำนวน 17.24ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 3.09 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษา 2.67 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 74.12 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันในปี ก่อน 9.64 ล้านบาท หรือลดลง 11.51%
โดยคาดว่าปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง มาจากแผนการดำเนินงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ EVER เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2562 ว่า กลุ่มบริษัทฯ เน้นการขยายโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพื่อบาลานซ์ และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคต บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ในโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ เอเวอร์ ซิตี้ ย่านทำเลสุขสวัสดิ์, หนามแดง และด่วนรามอินทรา จตุโชติ ทั้งนี้ ได้มีการซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะทยอยเปิดโครงการตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้
โดยปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่ 1) Global economic slowdown การหดตัวของอุปสงค์จากคู่ค้าต่างประเทศและอุปทานการผลิตภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบและอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ ทำให้เกิดภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงของการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มสินค้ายานยนต์ ทั้งนี้ คงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งมีโอกาสที่จะกลับมาระบาดรอบ 2 และการประกาศใช้มาตรการ Lockdown ของประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลกอีกครั้ง
เว็บ 123plus ยู ฟ่า 037
BEVHx3Dqug