โดยในเบื้องต้นได้รับรายงานว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) แล้ว 6 แห่ง กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ (MW) มีจำนวน 4 โรง ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) จังหวัดนครศรีธรรมราช ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) จังหวัดนครศรีธรรมราช,โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) จังหวัดพัทลุง, และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) จังหวัดสตูล ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE) และโรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP)อยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ และสมุทรสาคร ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบจะลดลง แต่กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลยังคาดหวังว่าผลผลิตน้ำตาลโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมจะมีปริมาณลดลงไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณน้ำตาลทรายทั้งสิ้น 9.78 ล้านตัน เนื่องจากมีปริมาณฝนกระจายทั่วถึงในพื้นที่เพาะปลูกตั้งแต่ช่วงกลางปี หากฝนยังตกกระจายจนถึงปลายเดือนตุลาคมนี้ และสภาพอากาศหนาวเย็นในช่วงปลายปีจะช่วยให้อ้อยสามารถสร้างความหวานได้ดี และส่งผลต่อคุณภาพอ้อยเข้าหีบที่ทำให้โรงงานสามารถผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ได้ดีกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 104.95 กิโลกรัมต่อตันอ้อย
ภายใต้สมมุติฐานอนุรักษ์นิยม (ไม่รวมงาน USO ที่จะประมูลเพิ่ม) สามารถคาดกำไรปี 2561 ถึง 2563 ที่ 136, 161 และ 192 ล้านบาท ตามลำดับ หรือโตเฉลี่ย 19%ต่อปี (CAGR 2561-2563) และหากบริษัทได้งาน USO เข้ามาเพิ่ม จะช่วยหนุนให้เห็นภาพผลประกอบการ 3 ปี ข้างหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งหากทำ Scenario analysis เป็น 2 กรณี จะมีผลลัพธ์ โดยได้ USO เพิ่ม 1 สัญญา คาดกำไรจะโตเฉลี่ย 26% ต่อปี (CAGR 2561-2563) คาดกำไรที่ 192 และ 215 ในปี 2562-2563 และได้ USO เพิ่ม 2 สัญญา คาดกำไรจะโตเฉลี่ย 36%ต่อปี (CAGR 2561-2563) คาดกำไรที่ 215 และ 250 ในปี 2562-2563
ufa168 ดี ไหม
6HxkW8LBou