มติ ชน
นอกเหนือจากการเติบโตของธุรกิจเดิมของ GL (organic growth) ผลประกอบการในไตรมาส 4 นี้ จะได้รับแรงหนุนที่สำคัญจากการควบรวมกิจการในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit Finance Plc (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่มีกำไรดีและจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศศรีลังกา โดยธุรกิจเดิมซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องควบคู่กับอานิสงส์จากการควบรวมกิจการเมื่อเร็วๆ นี้
ส่วน GLOW (BUY [email protected]) มีโรงไฟฟ้าที่จะทยอยหมดอายสัญญา ได้แก่ โรง Glow Energy เฟส2 (2563), Glow SPP1 (2564), Glow SPP2 (2567), Glow SPP3 (2567-68) และ Glow SPP11 (2568) คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 1.2 พันเมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตในมือทั้งสิ้น 2.9 พันเมกะวัตต์ ทั้งนี้หากภาครัฐมีการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าของ GLOW จะถือเป็น upside จากประมาณการ เนื่องจากยังไม่ได้รวมเรื่องการต่ออายุสัญญา SPP ดังกล่าวไว้ในประมาณการปัจจุบัน
ขณะที่วานนี้ (28 ต.ค.) ราคาหุ้นกลุ่มสามารถคอร์ปอเรชั่น ปรับตัวลงอย่างรุนแรง นำโดยบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ปิดตลาด 21.10 บาท ปรับตัวลง 2.10 บาท หรือ 9.05% บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ปิดตลาด 19.60 บาท ปรับตัวลง 0.90 บาท หรือ 4.39% และบริษัท สามารถ-ไอโมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM ปิดตลาด 1.57 บาท ปรับตัวลง 0.07 บาท หรือ 4.27% ทำให้มูลค่าตลาด(Market Cap)หายไปประมาณ 3,000 ล้านบาท
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ทั้งการนำเข้าสินค้าทุน ยอดจดทะเบียนรถยนต์ และยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ เนื่องจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว รวมทั้งยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่มาก อีกทั้งเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ดี การลงทุนหมวดก่อสร้างขยายตัวเล็กน้อยจากที่หดตัวในเดือนก่อนตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
มติ ชน thbet99
aOIV9rztiw